ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก(Hemifacial spasm)
โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก คือโรคทางระบบประสาทที่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของใบหน้าเป็นครึ่งซีกโดยเกิดจากการที่มีการเคลื่อนที่ของกล้ามเนื้อใบหน้าที่ถูกควบคุมโดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เคลื่อนที่ผิดปกติไป มีลักษณะแบบเกร็งกระตุกเป็นระยะโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้แม้กระทั่งตอนนอนหลับก็คงยังกระตุกอยู่อาจเป็นสาเหตุที่รบกวนการนอนหลับในผู้ป่วยบางราย
ลักษณะของใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
อาจเริ่มต้นกระตุกของกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาก่อนโดยมีการเกร็งกระตุกเป็นระยะเมื่อการดำเนินโรคเป็นมากขึ้นจะมีการกระตุกที่มุมปากข้างเดียวกันจนอาจทำให้มีลักษณะตาปิดร่วมกับมีปากเบี้ยวข้างเดียวกันเป็นพักๆได้
สาเหตุของใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
1.อาจเกิดตามหลังจากประสาทสมองคู่ที่ 7 มีการอักเสบ (Bell’s palsy) หรือ ได้รับอุบัติเหตุ
- เกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ถูกกดเบียดโดยเส้นเลือดที่อยู่ชิดกันบริเวณก้านสมอง
- เกิดจากเนื้องอกบริเวณก้านสมองไปกดทับประสาทสมองคู่ที่ 7 และ 8 ทำให้มีใบหน้ากระตุกร่วมกับการได้ยินลดลง
- โรคของปลอกหุ้มประสาทสมองส่วนกลางอักเสบ
5.ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
แนวทางการรักษา
1.การรับประทานยา
ใช้ยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เช่น clonazepam เพื่อลดการกระตุกโดยพบว่ามีประสิทธิผลเพียง 30% แต่มักจะมีผลข้างเคียงเช่น ง่วงนอนอาจไม่สามารถปฏิบัติภารกิจประจำวันได้ปกติ
2.การผ่าตัดเพื่อแยกส่วนของหลอดเลือดที่กดทับประสามสมองคู่ที่ 7 แยกออกจากกัน
ถือเป็นการรักษาที่มีความเสี่ยงเนื่องจากอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น การได้ยินลดลง ปากเบี้ยว มีเลือดออกที่ก้านสมอง เป็นต้น
3.การฉีดยา Botulinum toxin type A
เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีโดยสารโบทูลินัม ท็อกซินเป็นโปรตีนที่สร้างจากเชื้อแบคทีเรียมีฤทธิ์ในการสกัดกั้นกระแสไฟฟ้าจากปลายประสาทมากล้ามเนื้อทำให้การเกร็งกระตุกลดลงได้ชั่วคราวหลังจากฉีด โดยยาจะออกฤทธิ์อยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องมาฉีดยาซ้ำทุก 3-4 เดือนตามระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยาถือเป็นวิธีการที่ได้ผลดีและปลอดภัยได้รับการยอมรับในปัจจุบัน
พญ.ปิยวดี ชัยมงคลตระกูล