Language : | |
Call : 02-434-1111, 02-884-7000

โบท็อกซ์ (Botox)

2024-04-12T14:05:13+00:00

เคยได้ยินคำว่า “โบท็อกซ์” กันบ้างไหมคะ? เคยได้ยินไหมว่า มีสารที่ฉีดลบรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าได้? โบท็อกซ์ คืออะไร ?           คำว่า “โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้า (trade name) ของสารชีวภาพชนิดหนึ่งคือ โบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ซึ่งถ้าใครไปค้นคำว่า “โบทูลินัม” ดู ก็จะพบว่าเป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งคือ คลอสทริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์           คำว่า “ท็อกซิน” นั้นแปลตรงตัวว่า “สารพิษ” แต่ว่าคำนี้เป็นคำกลางๆ นะคะ กล่าวคือ อาจจะเป็นสารพิษต่อมนุษย์หรือไม่ก็ได้ เช่น สารพิษบางอย่างเป็นพิษต่อแมลงบางชนิด แต่ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ ในกรณีนี้ก็เรียกสารดังกล่าวว่า “ท็อกซิน” ได้เช่นเดียวกัน ส่วนคำว่า “เอ” นั้นระบุว่า [...]

โบท็อกซ์ (Botox)2024-04-12T14:05:13+00:00

ULTRAFORMER III นวัตกรรมยกกระชับผิวและปรับรูปหน้า

2024-04-12T14:08:42+00:00

ULTRAFORMER III นวัตกรรมยกกระชับผิวและปรับรูปหน้า สำหรับผู้มีปัญหาผิวหนังบนใบหน้าและลำคอหย่อนคล้อย และผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น FAQ :คำถามที่พบบ่อย MMFU (Micro&Macro Focused Ultrasound) เหมาะกับใคร ? เหมาะกับผู้มีปัญหาผิวหนังบนใบหน้าและลำคอหย่อนคล้อย คิ้วตก หนังตาตก ขอบตาล่างหย่อนยาน แก้มหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึกมุมปากตก มีเนื้อใต้คางเป็นชั้นๆ และยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยที่ไม่ต้องการทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับสัดส่วนลดไขมันในบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ท้องแขน ต้นขา บริเวณ Bra Line,Love Handle บริเวณรอบหัวเข่า เป็นต้น ทำไมต้องเลือก ULTRAFORMER IIl with MMFU Technology ? เพราะเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาล่าสุด เป็นรุ่นที่ 3rd ของกลุ่ม Focused Ultrasound มีความเสถียรของการปล่อยพลังงาน สามารถปล่อยหลังงานแบบ High peak [...]

ULTRAFORMER III นวัตกรรมยกกระชับผิวและปรับรูปหน้า2024-04-12T14:08:42+00:00

ต่อมทอนซิลอักเสบ…รู้สาเหตุ…รู้แนวทางรักษา (Tonsillitis)

2024-04-12T11:06:00+00:00

สัญญาณเตือนจาก ต่อมทอนซิลอักเสบ  (Tonsillitis)  ต่อมทอนซิลอักเสบ อาการ เจ็บคอ ที่ต้องระวัง !      ทอนซิล หรือต่อมทอนซิล (Tonsils) เป็นเนื้อเยื่อของต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่งที่ภายในมีเม็ดเลือดขาวอยู่หลายชนิด ต่อมทอนซิลอยู่บริเวณผนังช่องคอด้านหลังทั้ง 2 ข้าง มีหน้าที่ในการดักจับ และกำจัดเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกายทางระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหารส่วนต้น ต่อมทอนซิลอักเสบเกิดจากการติดเชื้อที่บริเวณต่อมทอนซิล โดยเชื้อก่อโรคที่ พบได้บ่อยตามลำดับ คือ เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรืออาจเกิดจากไวรัสชนิดอื่นๆ ได้ โดยอาการของต่อมทอนซิลอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่มักจะมีอาการ ไม่รุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอ มีน้ำมูกใส คัดจมูก ไอ จาม อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัวได้ เชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง เจ็บคอมาก กลืนเจ็บ กลืนลำบาก อาจมี อาการเจ็บร้าวไปที่หูร่วมด้วย โดยถ้าหากผู้ป่วยมาพบแพทย์แล้วได้รับการตรวจ วินิจฉัย ก็จะพบว่าที่ผนังคอหอยและต่อมทอนซิลมีลักษณะแดงและพบจุดหนอง ที่ต่อมทอนซิลได้ ส่วนในผู้ป่วยเด็กจะมีอาการเจ็บคอมากจนกลืนน้ำลายไม่ได้ ทำให้ตรวจพบว่ามีน้ำลายไหลออกมาด้านนอกได้บ่อย ส่วนอาการร่วมอื่นๆ ที่ พบได้จากการที่เป็นทอนซิลอักเสบ คือ ต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณคอโตและกดเจ็บ เชื้อรา อาจพบได้ในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ [...]

ต่อมทอนซิลอักเสบ…รู้สาเหตุ…รู้แนวทางรักษา (Tonsillitis)2024-04-12T11:06:00+00:00

โรคอ้วนกับปัญหาการนอนหลับ

2023-09-13T16:37:47+00:00

          ภาวะอ้วนในประชากรภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ตามนิยามขององค์การอนามัยโลก คือการที่มีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป ภาวะอ้วนนี้สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตประจำวัน การออกกำลังกาย กรรมพันธุ์ โรคประจำตัว รวมถึงยาที่ใช้รักษาโรค ผู้ป่วยโรคอ้วนจะมีการสะสมไขมันมากเกินกว่าปกติตามอวัยวะต่างๆ ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพและเกิดโรคเรื้อรังหลายประเภท เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคเส้นเลือดหัวใจและสมองตีบ รวมถึงโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นและกลุ่มอาการอ้วนหายใจต่ำได้           ผู้ป่วยโรคอ้วนจะมีไขมันสะสมบริเวณช่องคอและทางเดินหายใจส่วนบนมากกว่าปกติ ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบลง แต่ในขณะตื่นกลุ่มกล้ามเนื้อคอหอยซึ่งมีหน้าที่ขยายช่องคอทำงานชดเชยได้จึงไม่เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนนี้ เมื่อนอนหลับกล้ามเนื้อจะเกิดการคลายตัว การทำงานชดเชยของกล้ามเนื้อขยายช่องคอทำได้ไม่เพียงพอทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบขณะหลับ เกิดโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive sleep apnea, OSA) ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาในระยะยาวก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดหัวใจและสมองตีบ และโรคอื่น ๆ รวมถึงมีโอกาสเสียชีวิตก่อนวัยอันควรอีกด้วย โดยพบว่าความรุนแรงของโรคมักจะเพิ่มขึ้นตามดัชนีมวลกายที่เพิ่มขึ้น และเมื่อผู้ป่วยลดน้ำหนักได้ความรุนแรงของโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นก็มักจะลดลง           นอกจากโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นแล้ว ผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วนมากขึ้น จะทำให้ร่างกายต้องใช้แรงมากขึ้นเพื่อขยายทรวงอกในการหายใจ ส่งผลให้กลศาสตร์ของระบบการหายใจแย่ลง [...]

โรคอ้วนกับปัญหาการนอนหลับ2023-09-13T16:37:47+00:00

การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดน้ำวุ้นตา

2023-04-25T15:46:05+00:00

          จอประสาทตา เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญที่ช่วยในการมองเห็น และมีโรคทางจอประสาทตาค่อนข้างมาก ซึ่งต้องอาศัยการผ่าตัดรักษาจอประสาทตาด้วยวิธีผ่าตัดน้ำวุ้นตา ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดจอประสาทตา เป็นโรคจอประสาทตาฉีกขาดหลุดลอก โรคจอประสาทตาลอกจากพังผืดดึงรั้ง เช่น ในคนที่เป็นเบาหวานขึ้นจอตา จุดรับภาพที่จอประสาทตาเป็นรู (Macular hole) พังผืดที่จุดรับภาพ เลือดออกในน้ำวุ้นตา มีการติดเชื้อในลูกตาและน้ำวุ้นตา หรือการอักเสบในน้ำวุ้นตา มีสิ่งแปลกปลอมในลูกตาส่วนหลังจากอุบัติเหตุ เช่น เศษเหล็ก เศษแก้ว เลนส์ตาหรือเลนส์แก้วตาเทียมเคลื่อนไปลูกตาส่วนหลัง การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ทานยารักษาโรคประจำตัวของตนเองได้ตามปกติ ยกเว้นยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน หรือยาที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือดอื่นๆ ต้องงดก่อนผ่าตัด 7 วันหรือตามแพทย์สั่ง หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ ไอ มีเสมหะ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่พยาบาลหรือแพทย์เจ้าของไข้ทราบก่อนผ่าตัด ควรสระผมให้สะอาดก่อนวันผ่าตัด ในวันที่ผ่าตัด ให้ล้างหน้า และห้ามทาครีมหรือโลชั่นที่ใบหน้า ห้ามใช้เจลทาผม และให้ถอดเครื่องประดับทุกชนิด และฟันปลอมก่อนเข้าห้องผ่าตัด ผู้ป่วยจะได้รับการทำความสะอาดในตาข้างที่จะผ่าตัด โดยการเช็ดตาและหยอดยาขยายม่านตา ถ้าการได้ยินไม่ดี ควรนำเครื่องช่วยฟังเข้าห้องผ่าตัดด้วย ถ้าปัสสาวะบ่อยหรือกลั้นปัสสาวะไม่ได้ ควรใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเข้าห้องผ่าตัด (กรณีผ่าตัดแบบไม่ดมยาสลบ) ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ได้ดมยาสลบ [...]

การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดน้ำวุ้นตา2023-04-25T15:46:05+00:00

การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการฉีดยาเข้าวุ้นตา

2023-04-24T11:03:28+00:00

การฉีดยาเข้าวุ้นตา           เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทำให้ประสิทธิภาพของการรักษาโรคในดวงตาดีขึ้นกว่าในอดีตมาก การฉีดยาเข้าวุ้นตา สามารถใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับจอตา ได้แก่ ภาวะหลอดเลือดผิดปกติที่จอตา และจอตาบวมจากสาเหตุต่างๆ เช่น จุดภาพชัดเสื่อมในผู้สูงอายุ ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา หลอดเลือดต่ำที่จอตาอุดตัน เป็นต้น โดยยาฉีดเข้าวุ้นตา ออกฤทธิ์ไปยับยั้งการเจริญเติบโตของหลอดเลือดผิดปกติ ช่วยลดการรั่วซึมของผนังหลอดเลือด และลดการบวมของจอตา บริเวณจุดภาพชัด จึงช่วยให้ระดับการมองเห็นดีขึ้น ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดยา พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันฉีดยา ทานยาโรคประจำตัวตามปกติ ไม่ต้องหยุดยาละลายลิ่มเลือด วัดสายตาเบื้องต้น วัดความดันตาและวัดความดันโลหิต หยอดยาขยายม่านตาข้างที่ฉีดยาหรือตามคำสั่งแพทย์ พบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจตา รับฟังคำอธิบาย ขั้นตอนการฉีดยาเข้าวุ้นตา ผู้ป่วยเซ็นชื่อยินยอมรับการรักษาโดยการฉีดยาเข้าวุ้นตา พร้อมพยานเซ็นรับทราบ พยาบาลหยอดยาชาข้างที่จะรับการฉีดยา การปฏิบัติตัวขณะฉีดยา จักษุแพทย์จะทำการฉีดยาเข้าวุ้นตาโดยวิธีการปราศจากเชื้อ เริ่มจากทาน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณเปลือกตาข้างที่จะฉีดจากนั้นคลุมหน้าด้วยผ้าปราศจากเชื้อ ผู้ป่วยนอนบนเตียงนิ่งๆ ห้ามเอามือจับผ้าที่คลุมหน้า แพทย์จะฉีดยาเข้าที่บริเวณเนื้อเยื่อตาขาวห่างจากขอบตาดำประมาณ 3- 4 มิลลิเมตร ขณะแพทย์ฉีดยา ให้กลอกตาตามที่แพทย์บอกไม่ควรบีบตา หรือกลอกตาไปมา ควรให้ตาอยู่นิ่งที่สุด หลังฉีดยา ผู้ป่วยบางรายจะได้รับการปิดตาตามแพทย์สั่ง และสามารถเปิดตาได้เมื่อกลับถึงบ้าน การปฏิบัติตัวหลังฉีดยาเข้าวุ้นตา     [...]

การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการฉีดยาเข้าวุ้นตา2023-04-24T11:03:28+00:00

ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา (Diabetic Retinopathy)

2023-04-21T16:15:47+00:00

เบาหวานขึ้นจอตาคืออะไร           ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดฝอยเสื่อมทั่วร่างกาย รวมทั้งหลอดเลือดที่จอตาด้วย เลือดและสารต่างๆ จะรั่วซึมออกจากหลอดเลือดที่ผิดปกติเหล่านี้ และทำให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นจอตา ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ระยะ ตามความรุนแรงของโรค คือ ระยะที่ยังไม่มีการสร้างหลอดเลือดใหม่ และ ระยะที่มีการสร้างหลอดเลือดใหม่           ผู้ป่วยที่มีเบาหวานขึ้นจอตา ในระยะแรก มักไม่รู้สึกผิดปกติใดๆ เมื่อตรวจตาอาจพบจุดเลือดออกที่จอตา หากมีการรั่วซึมของหลอดเลือด จะพบจอตาบวม และเริ่มมีอาการตามัว หากโรคลุกลามมากขึ้น จนเกิดการอุดตันของหลอดเลือดจะทำให้เกิดภาวะจอตาขาดเลือด ซึ่งจะกระตุ้น ให้เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ (Neovascularization) หลอดเลือดเหล่านี้ มีลักษณะเปราะและแตกง่าย ทำให้เกิดเลือดออกในตาและเกิดพังผืดดึงรั้งจอตา ผู้ป่วยมักมีสายตาแย่ลงอย่างมาก ทั้งจากเลือดออกและจากพังผืดดึงรั้งจอตาจนเกิดจอตาลอก อาการตามัว อาจเกิดจากการบวมบริเวณจุดภาพชัด (Macular edema) ซึ่งเกิดจากน้ำและไขมันรั่วออกจากหลอดเลือด จุดภาพชัดเป็นบริเวณสำคัญที่ใช้ในการมองภาพ ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดปกติบริเวณนี้จึงส่งผลต่อการมองเห็นอย่างมาก ในรายที่เป็นรุนแรงหลอดเลือดบริเวณจุดภาพชัด อาจเกิดการอุดตันทำให้เกิดภาวะจุดภาพชัดขาดเลือด (Macular ischemia) ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร ทราบได้อย่างไรว่ามีเบาหวานขึ้นจอตา     [...]

ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา (Diabetic Retinopathy)2023-04-21T16:15:47+00:00

มะเร็งสตรี รู้ก่อน รักษาไว มีโอกาสหาย ป้องกันได้ คุณภาพชีวิตดี

2023-05-01T14:48:15+00:00

          จากสถิติล่าสุดที่เปิดเผยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันมะเร็งโลก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบสถิติโรคมะเร็งในประเทศไทยจัดเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุข โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ปีละประมาณ 140,000 คน และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 80,000 คนต่อปี โรคมะเร็งที่พบมาก 5 อันดับแรก มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งปากมดลูก           หากกล่าวถึงโรคมะเร็งในระบบสืบพันธุ์สตรีแล้วนั้น โรคที่พบบ่อยที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกจากสถิติล่าสุดของ IARC ลงวันที่ 10 มีนาคม 2566 พบสถิติผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ของไทยปีละ 9,158 ราย และอัตราการเสียชีวิต 4,705 รายต่อปี โดยโรคมะเร็งในระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรีหลายโรคกว่าจะตรวจพบหรือรอให้มีอาการนั้น บางรายอาจมีการกระจายของโรคไปแล้ว โอกาสการรักษาให้หายขาดจึงทำได้ยาก รู้ก่อน         [...]

มะเร็งสตรี รู้ก่อน รักษาไว มีโอกาสหาย ป้องกันได้ คุณภาพชีวิตดี2023-05-01T14:48:15+00:00

เนื้องอกมดลูก เจอบ่อยแค่ไหน เราเสี่ยงไหมนะ !!!

2023-05-01T14:50:41+00:00

          เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก หรือ เนื้องอกมดลูก สาเหตุของโรคนั้นไม่แน่ชัด สำหรับโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคประมาณ 4 ใน 10 คน (40%) ในหญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี อาการเสี่ยงที่จะเป็นเนื้องอกมดลูก เช่น ปวดหน่วงท้องไม่หายสักที ประจำเดือนมาเยอะ มามาก มานาน ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย ปวดประจำเดือนเยอะ มีบุตรยาก คลำพบก้อนที่ท้องน้อย           หากสงสัยสามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัย ด้วยวิธีการทำอัลตราซาวนด์ สำหรับการรักษา สามารถใช้ยา หรือ ผ่าตัด แล้วแต่กรณี (ขึ้นกับ ตำแหน่ง ขนาด และความต้องการมีบุตร)   นายแพทย์ ณัทชวกร นฤคนธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งนรีเวช     หน่วยมะเร็งนรีเวช โดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวช มะเร็งในผู้หญิง   สอบถามเพิ่มเติมที่ หน่วยมะเร็งนรีเวช [...]

เนื้องอกมดลูก เจอบ่อยแค่ไหน เราเสี่ยงไหมนะ !!!2023-05-01T14:50:41+00:00